วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

3 ปัจจัยเสี่ยงโรคริดสีดวง

บทความสุขภาพ



               3 ปัจจัยเสี่ยงโรคริดสีดวง (Woman Plus)
                  เรื่อง : Booz-zaa

           ใครจะเชื่อว่า การนั่งทำงานอย่างทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ลุกเดินไปไหน จะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวาร ที่สร้างความทรมานให้กับสาว ๆ วัยทำงานโดยไม่รู้ตัว

           อีกทั้งการมีนิสัย และพฤติกรรมบางอย่าง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคนี้ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นสาว WP คนไหนที่ไม่อยากเสี่ยงกับโรคนี้ ควรเลิกพฤติกรรมเหล่านี้โดยด่วน!!

1. กินอาหารฟาสต์ฟู้ด

           หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "อาหารขยะ" ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากความรีบเร่งที่ต้องทำงานให้เสร็จทันเวลา เมนูอาหารขยะแบบอเมริกันจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ถูกเลือก นั่นหมายความว่า ร่างกายของคุณ
จะได้รับสารอาหารจำพวกกากใยอาหารจากผัก และผลไม้น้อยเกินไป ส่งผลให้เกิดปัญหาท้องผูกตามมาในที่สุด

2. น้ำหนักเกินมาตรฐาน

           เป็นผลมาจากการนั่งทำงาน โดยไม่มีการขยับร่างกาย หรือเคลื่อนไหวไปไหนมาไหน ร่างกายไม่ได้ออกกำลัง แถมยังต้องแบกรับน้ำหนักตัวเองทั้งหมดไว้ที่เท้า นอกจากจะทำให้คุณผู้หญิงเป็นโรคอ้วนแล้ว ยังถูกโรคริดสีดวงถามหาอีกด้วย ทางที่ดีควรลุกออกจากเก้าอี้ และหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วยืดเส้นยืดสายดูบ้างนะคะ

3. ท้องผูกเรื้อรัง 

           เนื่องจากระบบขับถ่ายผิดปกติ ซึ่งเกิดจากนิสัยการกินที่ไม่สนใจใยดีผัก ผลไม้ บวกกับการนั่ง
ทำงานหนักทั้งวัน ชนิดหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบขับถ่ายจึงทำงานผิดปกติ
ไม่มีการขับถ่ายตอนเช้า เกิดการสะสมของเสียไว้ในร่างกาย ฉะนั้นสาว ๆ ที่กำลังมีพฤติกรรมเช่นนี้
 ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่โรคริดสีดวงจะถามหาในเร็ววัน

           ทั้งนี้ "โรคริดสีดวงทวาร"' เกิดจากกลุ่มหลอดเลือด และเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ตรง หรือบริเวณ
รูทวารมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดดำที่ขยายใหญ่ขึ้น เกิดการโป่งพอง ยื่นออกมาให้เห็นเป็นหัว เรียกว่า "ริดสีดวง" ซึ่งอาจจะมีหลายหัว หรือหัวเดียวก็ได้ เมื่อนั่งจะทำให้เกิดการกดทับเนื้อที่ยื่นออกมาเป็นติ่ง ส่งผลให้เกิดการอักเสบ และเจ็บคัน

ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก

การเอาชนะความเบื่อหน่ายในการออกกำลังกาย

ออกกำลังกาย


         เอาชนะความเบื่อหน่ายในการออกกำลังกาย (Momypedia)        
        โดย: kant

          เรามีวิธีดี ๆ มาช่วยคุณเอาชนะความรู้สึกเบื่อการออกกำลังกาย

          สาว ๆ ที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ และรู้ว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่บางทีคุณก็อาจเบื่อหน่ายการออกำลังกายขึ้นมาเฉย ๆ แต่ก่อนที่คุณจะพ่ายแพ้หัวใจตัวเอง เรามีวิธีดี ๆ มาช่วยคุณเอาชนะความรู้สึกนั้นแล้ว

          แก้ไขทันใจ ประเมินกิจวัตรการออกกำลังกายของคุณในขณะนี้เสียก่อน เพื่อชี้ชัดให้ได้ ว่าอะไรที่ทำให้คุณเบื่อการออกำลังกาย แล้วลองหันไปเพิ่มความหลากหลายใหม่ ๆ ให้กิจกรรมที่คุณโปรดปราน เช่น หันมาเล่น Kick Boxing แทนการเต้นแอโรบิก หรือเล่นฟรีเวตแทนเครื่อง สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้กิจวัตรเดิม ๆ มีชีวิตชีวาขึ้น หรือถ้าคุณเคยออกกำลังแต่ในฟิตเนส ก็ลองไปออกกำลังตามสวนสาธารณะบ้าง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

          เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังไม่เพียงพอ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ เริ่มต้นทำกิจกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะลองทำ เช่น ถ้าคุณเคยชินอยู่กับการเล่นกีฬาคนเดียว ลองหันมาเล่นกีฬาแบบทีมดูบ้าง หรือพยายามทำสิ่งที่คุณไม่ชอบมาโดยตลอด เช่น การเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์ อย่าง ขี่จักรยานเสือภูเขา การปีนหน้าผา ฯลฯ

          หาเพื่อนออกกำลังกาย การออกกำลังกายคนเดียวเหมือนกับการได้พักผ่อนจากวันที่ยุ่งเหยิง แต่บางทีการออกกำลังกาย ก็ต้องการเพื่อนที่จะช่วยให้คุณได้สังสรรค์ไปในตัว ซึ่งการชวนเพื่อนไปออกกำลังกายด้วยกัน จะทำให้คุณไม่อยากงดออกกำลังกาย เนื่องจากมีคนรออยู่ การมีคนมาออกกำลังกายด้วยยังหมายถึงการท้าทายให้คุณพัฒนาทักษะการออกกำลังกายให้ดีขึ้น

          ตั้งเป้าหมายท้าทายตัวเอง หลายคนตั้งใจออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่การตั้งเป้าหมายบางอย่าง เช่น การร่วมวิ่งแข่งมาราธอน หรือการแข่งว่ายน้ำ จะทำให้การออกกำลังกายของคุณในแต่ละวันมีความหมายขึ้น

          เพิ่มความหลากหลาย การออกกำลังกายหลาย ๆ อย่างสลับไปมา เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้เบื่อการออกกำลังกายได้ดี ถ้าปกติคุณออกกำลังกายแค่อย่างเดียว ก็ลองสลับด้วยกิจกรรมอื่น ๆ สัก 2-3 วันในหนึ่งสัปดาห์ โดยควรให้โปรแกรมการออกกำลังกายของคุณครบถ้วน ทั้งการออกกำลังบริหารหัวใจ การฝึกความแข็งแรง และการยืดกล้ามเนื้อของร่างกาย

          ของเล่นใหม่ ๆ อุปกรณ์ในการออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจไม่ใช่ของจำเป็น แต่มันอาจช่วยให้การออกกำลังกายของคุณสนุก และเพลิดเพลินขึ้น

          หยุดพัก บางครั้งคุณต้องการเวลาพักสักหน่อย ในกรณีนี้ลองลดกิจวัตรการออกกำลังกายของคุณลงบ้าง และแทนที่ด้วยกิจกรรมอื่น คุณอาจพบสิ่งที่คุณสนุกกับมันได้มากกว่าเรื่องเดิม ๆ ที่เคยโปรดปรานก็ได้

                ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก
                         


                     

ความจริงเกี่ยวกับขนมปังโฮลวีท

ขนมปังโฮลวีท



ความจริงเกี่ยวกับขนมปังโฮลวีท (อาหารและสุขภาพ)

          เราทราบกันดีแล้วว่า ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีอุดมด้วยไฟเบอร์, วิตามิน, เกลือแร่ และสารแอนติออกซิแดนท์ต่าง ๆ ที่ช่วยต่อต้านโรคภัย แล้วยังช่วยให้เรารู้สึกอิ่มด้วย

          จากการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the American Dietetic Association ระบุว่า สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือ เราจะหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มาจากธัญพืชทั้งเมล็ดนี้ได้อย่างไร บางทีอาจเป็นเพราะคำที่ใช้อย่างเช่น มัลติเกรน หรือ วีท (ข้าวสาลี) ทำให้เราสับสน วิธีเดียวที่เราจะทราบได้ก็คือ ต้องอ่านส่วนประกอบบนฉลากของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เองเลย

          วิคกี้ โคนิค โภชาการจดทะเบียนกล่าวว่า "ชนิดที่มีธัญพืชที่ไม่ขัดสีทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือว่าดีที่สุด" ตัวอย่างเช่น เมื่อจะซื้อขนมปัง ส่วนผสมอย่างแรกควรเป็นแป้งโฮลวีท หากคุณพบคำว่า "แป้งข้าวสี" (wheat flour) หรือ "แป้งสาลีไม่ฟอกสีเติมสารอาหาร" (unbleached enriched wheat flour) แปลว่าขนมปังนั้นทำมาจากธัญพืชที่ผ่านการขัดสีและผ่านกระบวนการ ซึ่งเป็นการนำเอาสารอาหารที่มีประโยชน์ออกไปแล้ว นอกจากนี้คุณยังอาจตรวจสอบปริมาณไฟเบอร์ในนั้นได้ โดยผลิตภัณฑ์จากธัญพืชไม่ผ่านการขัดสีมักมีไฟเบอร์อย่างน้อย 2.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (serving)

          จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ระบุว่า ในแต่ละวันคุณควรบริโภคธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ในขนาดหน่วยบริโภคหนึ่งออนซ์ (เช่น ขนมปังโฮลวีทหนึ่งแผ่น, ซีเรียลหนึ่งถ้วย, ข้าวกล้องหุงแล้วครึ่งถ้วย, หรือพาสต้าแบบโฮลเกรนครึ่งถ้วย) วันละสามครั้ง จึงจะดีต่อสุขภาพอีกด้วย

ทีมา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องสุขภาพที่สาว ๆ ชอบพลาด

เคล็ดลับสุขภาพ


         เรื่องพลาด ๆ ของการดูแลสุขภาพของสาว ๆ (Woman's Plus)

         

กินผักเพื่อสุขภาพ

          ที่มาที่ไปของสลัด หรือผักที่คุณสาว ๆ ซื้อมานั้น มาจากไหน สาว ๆ บางท่านซื้อจาก ร้านอาหารฟาสท์ฟู้ด หรือตามซุปเปอร์มาเก็ต ต้องตรวจเช็กให้ดีถึงความสด และสะอาด รวมไปถึงสารฆ่าแมลงต่าง ๆ ของผักที่ซื้อด้วยนะคะ ส่วนน้ำสลัดบางชนิด ก็มีไขมันสูงมาก ทางที่ดีควรเลือกซื้อผักปลอดสารพิษ ซึ่งหาซื้อไม่ยากแล้วในสมัยนี้ เน้นให้หลากหลายชนิด หลาย ๆ สี และเลือกใช้น้ำสลัดชนดใสจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ

ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ

          การดื่มน้ำเย็นจัดระหว่างหรือหลังมื้ออาหารนั้น ทำให้กระเพาะช็อก และทำงานได้ไม่เต็มที่ค่ะ ลองคิดดูว่ากระเพาะของเรา ทำงานไม่เต็มที่ แล้วอาหารที่ทานเข้าไปนั้นจะไปอยู่ที่ไหน คงไม่ต้องพูดถึงน้ำอัดลมเลยค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เลย ยิ่งทำท้องอืดได้ด้วยค่ะ 

นอน 8 ชั่วโมงต่อวัน

          ที่เราได้ยิน ๆ มานานว่า ควรนอน 8 ชั่วโมงต่อวันนั้น เป็นเพียงค่าเฉลี่ยเท่านั้นค่ะ การนอนนั้นต้องขึ้นกับตัวเราเป็นหลักค่ะ สาว ๆ บางคนทำงานหนักมากมาตลอดทั้งวัน ร่างกายก็ต้องการพักผ่อนมากกว่า 8 ชั่วโมงนะคะ และถ้าจะให้ดีต่อสุขภาพ ต้องนอนก่อนเวลาสี่ทุ่มค่ะ ร่างกายจะได้มีเวลาเพียงพอในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไปในแต่ละวัน

อาหารจากซุปเปอร์มาร์เก็ต

          สาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาในการปรุงอาหารเอง มักซื้ออาหารที่ง่าย ปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากตามซุปเปอร์มาร์เก็ต  ต้องดูให้ดีนะคะ เรื่องของวันหมดอายุ และผงชูรส ทางที่ดีปรุงอาหารเองดีกว่าค่ะ ถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ หาซื้อที่ปรุงสด ขายกันวันต่อวันดีกว่านะคะ

อาหารมื้อค่ำ

          ปาร์ตี้มื้อค่ำเป็นสูตรสำเร็จของสาวสมัยนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ ที่นัดเพื่อน ๆ และเต็มที่กับอาหารมื้อเย็น โดยที่ไม่สนใจมื้อเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน แบบนี้ก็ถือว่าพลาดอย่างแรงค่ะ ที่จริงแล้วอาหารมื้อเช้าสำคัญมาก ๆ เพราะร่างกายต้องการพลังงาน และสารอาหารมากที่สุดในช่วงเช้า และช่วงเย็นเป็นช่วงเวลาที่ร่างกาย และกระเพาะอาหารของเราต้องการพักแล้วค่ะ

 ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วิธีแก้เครียดในออฟฟิศ

สาวออฟฟิศ




แก้เครียดในออฟฟิศ (FRONT)

          ถ้าคุณกำลังปวดหัว เครียดเหลือเกินกับการงานที่ทำอยู่ตอนนี้ ไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวิธีดี ๆ มาแนะนำให้คุณผ่อนคลาย หายเครียดได้ ก่อนอื่นเราอยากให้คุณสูดหายใจลึก ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา จากนั้น...

          จัดแต่งโต๊ะใหม่ บ๊ายบายความรักซะจนหาของไม่เจอ ลองหาเวลาจัดโต๊ะทำงานใหม่ ให้สะอาดหมดจด เรียบร้อน เท่านี้ก็มีส่วนช่วยลดความเครียดได้นะ

          มองโลกในแง่ดี ก่อนเริ่มทำงาน ลองคิดถึงเรื่องดี ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว คุณก็จะมีกำลังใจทำงานต่อ

          พักผ่อนให้เพียงพอ คนส่วนใหญ่ที่ทำงานผิดพลาด เกิดจากการที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้สมองทำงานไม่เต็มที่ คุณควรนอนหลับอย่างน้อย 7-10 ชั่วโมง ถึงจะดีต่อร่างกาย ถ้ายังมุ่งมั่นทำงานทั้งที่ร่างกายและสมองไม่พร้อม งานก็อาจจะผิดพลาดกว่าเดิมได้นะ

          รับแสงบ้าง แทนที่เวลาพักคุณจะไปนั่งแกร่วอยู่ตามโรงอาหารบริษัทฯ ก็หาเวลาไปเดินรับแสงแดดอุ่นยามเช้า หรือยามเย็น สักแค่นาที ก็ช่วยให้สมองปลอดโปร่งได้

          ออกกำลังกาย เป็นการทำให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย เหมือนได้ปลดปล่อยเป็นอิสระ หาเวลาออกกำลังกายวันละ 15-30 นาที เท่านี้ก็ลดความเครียดได้แล้ว

          ปล่อยไปตามลม ยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ โฟกัสที่ความอุตสาหะของคุณ อย่าคิดถึงผลที่จะออกมา แค่สนใจงานที่อยู่ในมืออย่างเต็มที่ แล้วคุณจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้


ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก front : mini


การตกขาว เรื่องที่คิดไม่ตกของจุดซ่อนเร้น

ตกขาว



ตกขาวเรื่องคิดไม่ตกของจุดซ่อนเร้น (Modern Mom)

          การดูแลจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงนั้นใครคิดว่าไม่สำคัญ ด้วยความที่เป็นอวัยวะส่วนที่อยู่ในร่มผ้า และเป็นจุดที่เรามองเห็นได้ยาก จึงทำให้ต้องดูแลเป็นพิเศษ มาดูแลเพื่อห่างไกลจากอาการที่ไม่พึงประสงค์ของจุดซ่อนเร้นกันค่ะ เพื่อป้องกันจากอาการ "ตกขาว"

          จริง ๆ แล้วหลักการดูสำหรับจุดซ่อนเร้นนั้นไม่ยากค่ะ คือ ดูแลบริเวณจุดซ่อนเร้นให้แห้ง และสะอาดอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้บริเวณจุดซ่อนเร้นอับชื้น โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือน เป็นช่วงที่ร่างกายผลิตน้ำหล่อลื่นออกมาตามธรรมชาติ รวมถึงมีการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิง ยิ่งทำให้บริเวณนั้นมีความชื้น หากดูแลไม่ดีก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อรา ที่ปัจจุบันพบว่าผู้หญิงเป็นโรคเชื้อราในร่มผ้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุประมาณ 34 ปี จะเกิดปัญหาที่จุดซ่อนเร้น ติดเชื้อรา และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาการ "ตกขาว" ซึ่งอาการมีตั้งแต่เป็นมูกสีเหลือง เขียว หรือน้ำตาล รวมไปถึงมีกลิ่น จนถึงเกิดอาการคันที่บริเวณจุดซ่อนเร้น

ที่มาทำให้ตกขาว

          สวมใส่เสื้อผ้าในยุคปัจจุบันที่สวมใส่กางเกงยีน หรือผ้าใยสังเคราะห์ที่การระบายอากาศไม่ดีเท่าที่ควร

          สวมใส่ชุดชั้นในคับ แน่น และไม่ระบายอากาศ

          ดูแลและรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นไม่ถูกต้อง

          ใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาสิวมากเกินไป ยากลุ่มนี้จะไปทำลายแบคทีเรีย แลคโตแบซิลไล ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา

          ร่างกายอ่อนแอ นอนดึก ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล

          มีเพศสัมพันธ์แบบออรัลเซ็กซ์ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วยเช่นกัน

4 สาเหตุ เกิด 4 อาการตกขาว

          ตกขาวจากเชื้อรา มีอาการคันที่จุดซ่อนเร้น และอาจจะแสบช่องคลอด ตกขาวมีสีขาว เป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก และมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เหม็นอับร่วมด้วย

          ตกขาวจากเชื้อไวรัส มีตุ่มพุพองบริเวณผิวหนังปากช่องคลอด มีสีใส หรือสีขาว และไม่มีกลิ่น

          ตกขาวจากเชื้อแบคทีเรีย มีอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้น และอาจจะมีอาการปัสสาวะ แสบขัด มีสีเหลือง หรือสีเขียนอ่อน รวมถึงมีกลิ่นเหม็นคาว เหมือนกลิ่นปลาเน่า

          ตกขาวจากเชื้อพยาธิในช่องคลอด มีอาการคันในช่องคลอด มีสีเขียว หรือสีเหลือง เป็นฟอง ไม่ข้น และมีกลิ่นเหม็นคาว


      ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก
               

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินได้แต่ไม่ควรเกินวันละ 1 ซอง

บะหมี่สำเร็จรูป


บะหมี่สำเร็จรูป



      แนะกินบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่กินเกินวันละ 1 ซองควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป

          นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ ให้ความเห็นต่อการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่า นิตยสารฉลาดซื้อ เคยทำการสำรวจปริมาณโซเดียมหรือเกลือ อันตรายที่ซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่าจากการเก็บตัวอย่าง จำนวน 32 ตัวอย่าง ฉบับที่ 68 มาทดสอบโดยสถาบันอาหาร เพื่อหาปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ในเครื่องปรุงรส พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมร้อยละ 50-100 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีบางยี่ห้อที่ทำขนาดใหญ่กว่าปกติ ที่เรียกว่าบิ๊กแพ็ค พบว่ามีโซเดียมสูงถึงร้อยละ 112 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน

          "การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน โดยใช้เครื่องปรุงทั้งซอง จะทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป เพราะแต่ละวันจะได้รับปริมาณโซเดียมจากเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอส เกลือ สูงอยู่แล้ว ที่ผ่านมา เคยมีการวิจัยถึงปริมาณการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยในปี 2548 พบว่า มีมากถึง 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9,500 ล้านบาท หากจะเทียบกับซองบะหมี่มาตรฐานที่บรรจุซองละ 60 กรัม หมายความว่าคนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 2,000 ล้านซองต่อปี โดยปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะสินค้านี้มีหลายรส หลายระดับราคาให้เลือก ปรุงได้สะดวกรวดเร็ว" บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อกล่าว

          ปริมาณโซเดียมที่แนะนำไว้ในบัญชีสารอาหาร ที่ควรบริโภคในแต่ละวันสำหรับคนไทย อยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ขณะนี้การบริโภคเกินกว่ากำหนด และถือเป็นความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้ เป็นโรคหัวใจ เพราะฉะนั้น จึงมีการทบทวนปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวัน โดยปริมาณใหม่ที่แนะนำให้บริโภคจะอยู่ที่ ผู้ชายควรบริโภค 475-1,475 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรอยู่ที่ 400-1,200 มิลลิกรัม

          พร้อมแนะนำการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่าควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบ ๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไต และโรคความดันโลหิต



ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจาก